วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

นิทานอิเล็กทรอนิกส์ทำยังไง เข้ามาดูกัน

ขอแนะนำบล็อคที่รวบรวมขั้นตอนและวิธีการเขียนหนังสือนิทานนอีบุ้ค (e-book) หรือหนังสือนิทานอิเล็กทรอนิกส์ และตัวอย่างหนังสือนิทาน ซึ่งเป็นผลงานของนักศึกษาที่เรียนในรายวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสานสนเทศเพื่อการศึกษา สอนโดย อาจารย์อัจฉริยะ วะทา โดยบล็อกนี้มีชื่อว่า atinno.blogspot.com มีหนังสือนิทานอีบุ้คที่เป็นฝีมือของนักศึกษาในหลายๆ สาขา หลายเรื่องน่าอ่าน ซึ่งแต่ละเรื่องก็จะมีข้อคิด คติเตือนใจ เหมาะแก่การอ่านเพื่อพัฒนาอารมณ์ และสติปัญญา และสามารถโหลดเก็บไว้หรือนำไปประกอบสื่อการสอนสอนได้ นอกจากนี้ก็ยังรวมผลงานการจัดทำบล็อกของนักศึกษาแต่ละสาขาวิชา จัดทำเพื่อเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับความรู้ที่น่าสนใจไว้มากมายและเป็นเว็บที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะทำหนังสือแบบทำมือและทำเป็นอีบุ้ค (e-book) ด้วย โดย  http://atinno.blogspot.com

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

หน้าไหว้หลังหลอก


หนังสือนิทาน เรื่อง หน้าไหว้หลังหลอก

แต่งโดย นางสาว สมพร  เค้าแคน

จำนวน  12 หน้า

เรื่องย่อ  เป็นเรื่องราวเกี่ยวเด็กหญิงที่พูดจาและทำดีต่อหน้าคนอื่น  แต่ลับหลังก็นำเรื่องคนเหล่านั้นมานินทา และผลลัพท์ที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร  ต้องไปติดตามกันในนิทานนะคะ






2.


3.




 4.


5.


6.


 7.


8.


9.

10.


11.


12.



สามารถดาวน์โหลดได้โดย คลิกที่นี่

คติเตือนใจหญิง


  • น้ำตาของหญิงสาว งดงามกว่ารอยยิ้มของเธอ
  • ผู้หญิงโดยมากก่อเรื่องยุ่งๆ โดยไม่มีเหตุผล
    ผู้หญิงร้องไห้เมื่อไร เมื่อนั้นก็เป็นเหตุผลของเธอ
  • มารยาทของคนโดยเฉพาะผู้หญิง
    สร้างวาสนาของตนได้เป็นอย่างดี
  • อย่าสอนลูกหลานให้เป็นผู้ดีเย่อหยิ่ง หรือถือตัว
    จงสอนให้ลูกหลานเป็นลูกชายแท้ เป็นหญิงแท้
  • ภรรยางาม ทำให้สามีมีความสุขครึ่งๆกลาง
    ภรรยาดี ทำให้สามีสุขกายสุขใจตลอดชีวิต
  • ก่อนแต่งงานจงจู้จี้เลือกสามี
    หลังแต่งงานจงอยู่ในโอวาทของสามี
  • ผู้ที่หยิ่งผยองโดยเฉพาะผู้หญิง เท่ากับเปิดทางให้กับ
    ความชั่วร้ายเข้านอกออกในได้โดยง่าย
  • แม่ที่ดีต้องไม่ตามใจลูก ไม่ว่าผิดหรือถูก
    แม่ที่ดีต้องสอนลูกให้อยู่ในสังคมได้อย่างสวัสดิภาพ
  • ลูกๆจะเป็นอย่างไรในภายหน้า ขึ้นอยู่กับแม่ว่าจะอบรมอย่างไร
    ชีวิตลูกๆจะยุ่งยากถ้าแม่ตามใจลูกจนเกินเลย
  • น้ำตาของแม่ คือความรัก
    รวมกับความหว่งใยที่มีต่อลูกตลอดกาลนาน
  • สามีหูหนวก ภรรยาเป็นใบ้
    ชีวิตแต่งงานของคู่นี้จะยั่งยืนตลอดกาล
  • สามีดี ภรรยาดี ต่างต้องไม่ยุ่งเกี่ยวในเรื่องส่วนตัวของกันและกัน
  • หน้าที่แท้จริงของภรรยา คือทำอาหารให้อร่อย ถูกปากสามี
    และภรรยาที่ดีต้องร่วมทุกข์กับสามีอย่างเต็มใจ
  • ภรรยาดี ต้องฉลาดเข้าใจรู้ใจสามี มีหน้าที่ปฎิบัติสามีให้เป็นสุข
    ปลอบโยนให้หายทุกข์
  • หญิงดี เมื่อรักชายใดแล้ว ก็เมตตาเขาผู้นั้นเพียงชายเดียวในชีวิต
  • ผู้หญิงโดยมากฉลาดแหลมคมนัก
    แต่หญิงที่ฉลาดจริงเป็นหญิงที่ซ่อนคม
  • ผู้หญิงน่ารักเหมือนตุ๊กตาในยามดี
    และดุร้ายเหมือนเสือแม่ลูกอ่อนในยามร้าย
  • หญิงวาสนาดีเทียมคุณหญิงคุณนาย คือหญิงที่สงบเงียบทั้งกาย วาจา
    และมีความรู้ความสามารถพอประมาณ
  • หญิงวาสนาเทียมเศรษฐี เป็นหญิงที่แต่งตัวพองาม
    กินพออิ่ม พูดน้อย ขยันมาก
  • หญิงที่ปากร้าย ไม่ยอมแพ้ใคร ก็มีหวังเจ็บตัว หรือเสียโฉม
    และเมื่อมีลูก เธอก็จะกลายเป็นหญิงขี้โรค
  • ผู้หญิงขี้หึงหรือใจร้าย จะไร้ที่พึ่งทางกายและใจ
    ทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า
  • หญิงดีมีบุญบารมี เป็นผู้หญิงที่รู้จักประหยัด และใจดีมีเมตตา
  • หญิงที่มีจิตใจและกิริยาเป็นชาย จะอายุยืน
    แต่ชีวิตครอบครัวอับเฉา และอับจน


วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555





๏ จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้
คิดถึงหน้าบิดาและมารดร
เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่น
อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี
อย่าคิดเลยคู่เชยคงหาได้
อย่าเกียจคร้านงานสตรีจงนิยม
ถ้าแม้นทำสิ่งใดให้ตลอด
เขม้นขะมักรักงานการของตน
เมื่อเหนื่อยอ่อนนอนหลับอยู่กับบ้าน
อะไรฉาวกราวเกรียวอย่าเหลียวแล
ระวังดูเรือนเหย้าแลข้าวของ
เห็นไม่มีแล้วอย่าอ้างว่าช่างมัน

เกิดเป็นหญิงต้องไม่มากรัก

บ้างมีผัวตัวอยู่เป็นคู่ชื่น
ทำรักซ้อนซ่อนสนิทปิดเนื้อความ
ครั้นรู้ความถามไถ่ก็ไม่รับ
พลอยประจบหลบความไปตามเพลง
ทำองอาจพลาดพลั้งลงทั้งคู่
ไม่แปรดแปร้นแสนสลดเหมือนทศกัณฐ์
เคยที่นอนหมอนหนุนละมุนนิ่ม
เล็นก็กัดหมัดก็กินจนสิ้นนวล
ครั้นเห็นชู้คู่ชมภิรมย์รื่น
จะพึ่งชู้ชู้ก็เพียบกรอบเกรียบใจ
ตระลาการท่านถามเอาความชั่ว
เขาเฮฮาหน้าสลดต้องอดทน
ครั้นซักไซ้ไต่ถามได้ความชัด
ถ้ารักชู้ก็ให้อยู่กับชู้ชาย
ก็สาสมกับอารมณ์สตรีชั่ว
ไปคบชู้ชู้ชักหักทั้งยืน
ที่ใครเห็นจะเมตตานั้นหายาก
ก็เพราะเหตุตัวชั่วลือขจร
ครั้นลำบากยากจิตสิได้คิด
ใช่ไม่รู้เขาห้ามความถ้อยมี
เออก็ใจเป็นไฉนนะน้องเอ๋ย
ช่างไม่คร้ามความชั่วติดตัวตน
มันเสียแล้วถึงจะฝืนไม่คืนศักดิ์
อันความชั่วติดตัวกว่าจะตาย
ถึงบินออกนอกตำบลให้พ้นเขต
ห้ามมันยากปากมนุษย์นี้สุดยาว
ผู้ใดคิดผิดพลั้งเหมือนอย่างว่า
ควรยับยั้งชั่งใจเสียให้ดี
แม้นชั่วช้าใครว่าแล้วโกรธเขา
จะวิบัติบาปกรรมซ้ำหนักไป
แม้คนดีมีปัญญาถ้าไม่โกรธ
ให้พ้นทุกข์สุขีเป็นศรีเมือง



หญิงที่ดีต้องเลี้ยงดูพ่อ แม่

ที่บางนางนั้นก็ทำทุจริต
เห็นพ่อแม่ยากไร้ไม่ใยดี
เขาถามไถ่ว่ามิใช่เป็นพ่อแม่
ให้ตามหลังบังคับด้วยคำคม
คนผู้นั้นครั้นตายวายชีวาตม์
ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันพระจันทรา
ถ้าอยู่ไปในมนุษย์โลกเล่า
ให้ยากยับอัปราอนาทร
แม้จะมีเงินทองของทั้งหลาย
จะเกิดโจรราวีอัคคีภัย
หญิงเช่นนี้ชายอย่าได้ไปร่วมรัก
แต่พ่อแม่เจียวยังใจไม่การุญ
ซึ่งสตรีที่ดีอย่าดูเยี่ยง
แม้นร่วมรอยก็จะพลอยระยำมัง

มารยาทหญิง

อย่าทอดทิ้งกริยาอัชฌาสัย
ใครเขาไม่สรรเสริญเมินอารมณ์
อย่าพอใจขึ้นเสียงเถียงประสม
แม้นระดมขึ้นทั้งคู่จะวู่วาม
ความในใจก็จะดังออกกลางสนาม
อย่าทำตามใจนักมักจะเคย
หมั่นนำพาการเรือนอย่าเชือนเฉย
อย่าวายเวยลามลวนให้กวนใจ
เห็นเริงรื่นหัทยาจึงปราศรัย
แม้นสิ่งไรเขาไม่ชื่นอย่าขืนทำ
อย่าพูดมากเติมต่อซึ่งข้อขำ
อย่าควรนำแนะออกไปนอกเรือน
ประพฤติตามแบบแผนให้แม้นเหมือน
จะเอ่ยเอื้อนโอภาให้น่าฟัง

อาการรักไม่ควรออกนอกหน้า

อันที่จริงหญิงกับชายย่อมหมายรัก มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์ อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี ดั่งพฤกษาต้องวายุพัดโบก เขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่ จงยับยั้งชั่งใจเสียให้ดี เหมือนจามรีรู้จักรักษากาย


เป็นหญิงต้องรู้จักเชิงชาย



แม้นชายใดใจประสงค์มาหลงรัก
ให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น
อันความรักของชายนี้หลายชั้น
เขาว่ารักรักนั้นประการใด
จงพินิจพิศดูให้รู้แน่
อย่าทำแต่ใจเร็วจะเหลวไหล                                   
เปรียบเหมือนคิดปริศนาอย่าไว้ใจ
มันมักไพล่แพลงขุมเป็นหลุมพลาง

 

การแต่งกายสำคัญไฉน



๏ จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน
ให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ศรี
จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์
ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน
จะเก็บไรไว้ผมให้สมพักตร์
บำรุงศักดิ์ตามศรีมิให้เขิน
เป็นสุภาพราบเรียบแลเจริญ
คงมีผู้สรรเสริญอนงค์ทรง
ใครเห็นน้องต้องนิยมชมไม่ขาด
ว่าฉลาดแต่งร่างเหมือนอย่างหงส์
ถึงรูปงามทรามสงวนนวลอนงค์
ไม่รู้จักแต่งองค์ก็เสียงาม

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พิพิธภัณฑ์เมืองมหาสารคาม


พิพิธภัณฑ์เมืองมหาสารคาม



การจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์เมืองมหาสารคามเน้นการเล่าเรื่องวิถีชีวิตของผู้คนในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคามโดยมีแก่นของเรื่อง(Theme)  ซึ่งเป็นตัวตนหรืออัตลักษณ์แห่งวิถีชีวิตชาวเทศบาลเมืองมหาสารคาม คือ "เมืองซ้อนชนบท"  สามารถแบ่งมิติทางประวัติสาสตร์
ในการนำเสนอเป็น
5 ยุค ดังนี้
        -  ยุคก่อนตั้งเมืองมหาสารคาม
        -  ยุคเจ้าเมืองท้องถิ่น
        -  ยุคปกครองโดยข้านราชการ
        -  ยุคขยายตัวทางการศึกษา
        -  ยุคเศรษฐกิจฟองสบู่

ประวัติเมืองมหาสารคาม
ปี พ.ศ. 2403  พระขัติยะวงศา(จันทร์) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดให้ท้าวมหาชัย(กวด) บุตรอุปฮาดสิงห์
กับท้าวบัวทองบุตรอุปฮาตภูไปสำรวจที่ตั้งเมืองใหม่  ทั้งสองมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน 
ท้าวมหาชัยเห็นว่าที่ดินตั้งแต่ฝั่งกุดนางใยไปจดฝั่งห้วยคะคางทางทิศตะวันตกเป็นที่เหมาะ
ในการตั้งเมือง  เพราะเป็นที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง  หน้าแล้งจะได้อาศัยน้ำห้วยคะตางและกุดนางใย 
ส่วนท้าวบัวทองเห็นว่าสถานที่ตะวันตกบ้านลาดมีทำเลเหมาะกว่า เพราะตั้งอยู่ฝั่งน้ำชีต่อไป
จะเป็นเมืองท่าสินค้าได้  ทั้งสองมีความเห็นไม่ตรงกัน  พระขัติยวงศา(จันทร์)  จึงมีใบบอกขอตั้ง
 "บ้านลาด กุดยางไย" เป็นเมืองขอท้าวมหาชัย(กวด) เป็นเจ้าเมือง  ขอท้าวไชยวงษา(ฮึง) 
บุตรพระยาขัติยวงษา(สีลัง)  เป็นราชวงษ์ไปยังราชสำนักกรุงเทพฯ
     ต่อมาราชสำนักกรุงเทพฯ ได้มีสารตรามาถึงพระขัติยวงศา(จันทร์)  ลงวันอังคาร 
เดือน 10 ขึ้น 1 ค่ำ  ปีฉลู สัปตศก จุลศุกราช 1227 (ตรงกับวันที่ 22  สิงหาคม พ.ศ. 2408)
"มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ  ขนานนามบ้านลาด กุดยางไยเป็นเมืองมหาษารคาม
 พระราชทานนามสัญญาบัตรประทับพระราชลัญจกร  ตั้งท้าวมหาไชย เป็นที่พระเจริญราชเดช เจ้าเมือง
 ทำราชการขึ้นแก่เมืองร้อยเอ็ด..."